วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติ
นางสาวมณีกาญจน์ ชอบชิน ชื่อเล่น เนิ้ต
เกิดวันที่ 25 มิถุนายน...
ที่อยู่ . 48/1 ม.3 ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 
โรงเรียนท่ามะขามวิทยา
เรียนสาขา ทั่วไป 
เพื่อนสนิท อ๊อฟ เฟินร์ พัทร ฟ้า มิ้น แต อุ้ย อ้อม แป้ง วัน ขวัญ เจมส์ ต่อ
สีที่ชอบ ขาว 
อาหารที่ชอบ..ทุกอย่าง 55+
งานอดิเรก ทำทุกอย่างและ..
คติประจำใจ ทำทุกอย่างให้เหมือนวันสุดท้าย 
ชอบดู การ์ตูนบาบี้ 
E-mail nnurse_love@hotmail.com

สถานที่ท่องเที่ยว

วัดเชียงมั่น อยู่ถนนราชภาคินัย อำเภอเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 1839 พระองค์ทรงยกพระตำหนักเชียงมั่น ถวายเป็นพระอารามให้ชื่อว่า วัดเชียงมั่น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญของเชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี หรือ พระแก้วขาว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ มีสถาปัตยกรรมสำคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช้างล้อม พระอุโบสถ และหอไตร และที่สำคัญคือ เจดีย์ทรงระฆังฐานสี่เหลี่ยม และมีช้างล้อมที่ฐานหมายความว่าคำจุนพระพุทธศาสนาไว้













"วัดพระธาตุดอยคำ"ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง เดินทางไปได้ตามเส้นทางเลียบคลองชลประทาน จะมีป้ายบอกข้ามคลองไปทางตำบลแม่เหียะ จะพบทางขึ้นเขาไปยังพระธาตุดอยคำ ตามประวัติ เมื่อ พ.ศ. 2509 วัดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทรายปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดพระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะลงจอดที่สนามบินอีกด้วย





พระราชประวัติ


พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ และหม่อมสังวาล ตะละภัฎ (ภายหลังทรงได้รับ การเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน อ้าย ปี เถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันจันทร์ ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซสส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระอนุชาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และทรงมีพระเชษฐภคินีอีก ๑ พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเข้าศึกษาใน ชั้นประถมศึกษาที่ โรงเรียนเมียร์มองค์ จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียน เอกอลนูเวลเดอลาซืออิสโรมองต์ เมืองโลซานน์ ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จากยิมนาสกลาซีคกังโตนาล แล้วจึงทรงเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลือก ศึกษาในแขนงวิชาวิศวกรรมศาสตร์หลังจากที่พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระเชษฐาเสด็จขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๘ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ก็ทรงได้ รับสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลยเดช เมื่อเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ครั้นเมื่อถึงวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระนาม ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
อย่างไรก็ตามขณะเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา รัฐสภาจึงทำการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการขึ้นประกอบไปด้วย พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาถนเรนทร และพระยามานวราชเสวี เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแทนจนกว่าจะทรงบรรลุนิติภาวะ และเพราะยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงต้องทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อีกครั้งหนึ่ง ในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม แต่ในครั้งนี้ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมาย และวิชารัฐศาสตร์แทนวิชาวิศวกรรรมศาสตร์ที่ทรงศึกษาอยู่เดิม
ถัดมาในวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในพระบรมมหาราชวังเฉลิมพระบรมนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรนฤบดินทร สยามมินทราธิราชบรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข แห่งมหาชนชาวสยาม
พอค่ะอยากรู้ไปดูต่อใจลิงค์นี้ค่ะ  http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/19494-029717/

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


นิทานเรื่อง กระต่ายเจ้าเล่ห์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า  มีกระต่ายอยู่ตัวหนึ่ง มีความเฉลียวฉลาดมาก  อยู่มาในวันหนึ่งกระต่ายตัวนี้เห็นยายแก่คนหนึ่งเอาข้าวไปถวายพระที่วัด  พร้อมกับมีกล้วยอยู่หวีหนึ่งใส่ไว้ในกระเฌอทูนไว้บนหัว กระต่ายตัวนั้นอยากกินกล้วยมากจึงใช้อุบายหลอกยายเพื่อที่ตนจะได้กินกล้วยของยาย จึงรีบวิ่งไปดักที่กลางทาง โดยการแกล้งล้มลงนอนตายอยู่ เมื่อยายเดินมาเห็นกระต่ายนอนตายอยู่ก็ได้แต่แปลกใจ  จึงจับขึ้นมาดูเห็นตัวยังอุ่นๆอยู่จึงจับใส่กระเฌอแล้วก็ทูนหัวต่อไป
ฝ่ายกระต่ายเมื่อได้ลงไปในกระเฌอของยายสมตามความตั้งใจ ก็ลุกขึ้นมาปลอกกล้วยกินและได้ทิ้งเปลือกไปข้างหลัง   ส่วนยายนั้นเมื่อได้ยินเสียงทิ้งเปลือกกล้วยก็หันกลับไปดู   แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร   ได้เห็นแต่เปลือกกล้วย   ก็บังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าใครนะเดินทางไปก่อนตน   เมื่อยายหันไปข้างหลัง กระต่ายก็ทิ้งเปลือกกล้วยไปข้างหน้า เมื่อยายหันหน้าเพื่อที่จะเดินต่อไปก็เห็นเปลือกกล้วยอีกแล้วก็กล่าวว่า    เปลือกกล้วยนี้ยังคงใหม่อยู่เลยคงจะต้องมีใครสักคนอยู่ข้างหน้าใกล้ ๆ นี้แหละง  และคงจะเดินไปกินกล้วยไปด้วย   ยายจึงรีบก้าวเดินไปเพื่อที่จะให้ทัน แม้ยายคนนั้นจะรีบเดินมากเท่าไรก็ตามไม่ทันเสียที   จนกระทั่งยายเหนื่อยจึงหยุดพักเอากระเฌอวางลง   ก็ได้เห็นกระต่ายกินกล้วยของตนจนหมดหวี เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็โกรธมาก กระต่ายก็กระโดดออกวิ่งไปยายก็รีบวิ่งตามไปเพื่อหมายที่จะตีกระต่ายตัวนั้น   กระต่ายก็วิ่งขึ้นไปอยู่บนต้นคลุ้ม ยายตีไม่ได้จึงได้เอากรรไกรที่มีไว้ผ่าหมากตัดต้นคลุ้มนั้นกระต่ายได้เห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นอันมาก     ด้วยความที่ฉลาดและมีไหวพริบดี   จึงกล่าวกับยายว่า
“ยายเอ๋ยถ้ายายเอากรรไกรนั้นตัดต้นคลุ้มนี้  กรรไกรของยายจะหักเอาเสียเปล่า ๆ เพราะต้นคลุ้มนั้นมันแข็งมาก  ถ้ายายไม่เชื่อยายก็ลองเอากรรไกรขูดดูแก่น    ของมันซี  แก่นของมันจะมีสีแดงแจ๋ทีเดียว”  ยายก็สงสัยจึงเอากรรไกรขูดต้นคลุ้มดู  เมื่อเอาเปลือกด้านนอกออกก็เห็นด้านในก็เป็นสีแดง   ยายก็คิดว่าเป็นแก่นจริง ๆ จึงไม่กล้าตัด    จึงไปหาเอามีดมา   เมื่อยายไปแล้ว   กระต่ายก็วิ่งไปอยู่ในโพรงของต้นไม้   ยายก็จับตีไม่ได้อีก   ยายจึงคิดอ่านเอาบ่วงมาดักไว้ที่ปากโพรงต้นไม้  หากกระต่ายออกมาจะได้ติดบ่วง เมื่อยายดักบ่วงเสร็จกระต่ายก็คิดว่าหากตนออกไปต้องติดบ่วงตายเป็นแน่แท้  จึงคิดหลอกยายอีกครั้ง แล้วก็บอกกล่าวกับยายอีกว่า
“ยายเอ๋ยทำบ่วงดักฉันอย่างนั้นนะไม่มีวันที่ได้ตัวฉันหรอกน่ายาย  เพราะบ่วงอย่างนั้นมันไม่รูด  ถ้ายายไม่เชื่อยายก็ลองเอาขาของยายใส่ลงดูก่อนก็ได้นะ” ฝ่ายยายก็สงสัยว่าเป็นจริงอีก   จึงเอาขาใส่ลงไปในบ่วงดูคันของบ่วงก็ยกขึ้น ตอนนี้บ่วงติดขาของยายเสียแล้ว  ทำให้ยายต้องห้อยโตงเตงอยู่อย่างนั้น   กระต่ายก็ออกจากโพรงไปได้  แล้วก็หัวเราะเยาะยายว่า “ยายหน้าโง่ติดบ่วงๆปเถิดข้าไปก่อนหละ  ว่าแล้วกระต่ายก็จากไป”